ชุดชั้นในแบบที่ไม่ต้องซัก ที่ได้แรงบันดาลใจจาก NASA

ชุดชั้นในเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องซักเป็นประจำและไม่เหมาะแก่การใส่ซ้ำบ่อยๆ ทำให้บ่อยครั้งก็ความขี้เกียจที่จะซักก็ทำให้มีผ้าเต็มตะกร้า เพื่อหาขจัดปัญหาความขี้เกียจในการซักชุดชั้นใน กางเกงใน แบรนด์แฟชั่นจากเดนมาร์ก Organic Basics ได้แรงบันดาลใจจาก ชุดชั้นในของนักบินอวกาศจาก NASA ในการสร้างชุดชั้นในที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสุดล้ำสมัยที่ไม่จำเป็นต้องซักมันได้ยาวนานถึง 1 สัปดาห์ ชุดชั้นในใส่สบายและขจัดแบคทีเรียได้ถึง 99.9% โดยไม่ต้องซักบ่อย ชุดชั้นในจาก Organic Basics นั้นสามารถขจัดแบคทีเรียและความสกปรกต่างๆได้ในตัวถึง 99.9% นอกจากนี้ยังช่วยลดกลิ่นจากความสกปรกที่จะเกิดขึ้นได้อีกด้วย จุดประสงค์ของการออกแบบชุดชั้นในนี้ก็คือ เพื่อที่จะให้ความสะดวกสบายแก่ผู้ใช้ โดยไม่จำเป็นต้องซักมันทุกครั้งหลังจากที่สวมใส่ เมื่อไม่จำเป็นต้องซักชุดชั้นในบ่อยๆ ก็จะช่วยประหยัดน้ำ ประหยัดพลังงาน ทำให้ชุดชั้นในจาก Organic Basics นั้นเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยิ่ง แถมวัตถุดิบที่ใช้ผลิตชุดชั้นในนี้นั้นก็ถูกออกแบบมาให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% อีกด้วย ชุดชั้นในของ Organic Basics ยังมีคุณสมบัติอื่นๆ อย่างการที่มันสวมใส่สบายและเข้าได้กับทุกสภาพอากาศไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น ความสุดยอดของชุดชั้นในนี้ก็คือไม่จำเป็นต้องซักบ่อยๆ และมันยังเป็นสิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมสุดๆ อีกด้วย ได้ทั้งประหยัดพลังงานและสวมใส่ชุดชั้นในที่สะดวกสบาย   ที่มา: independent.co.uk

10 บุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกปี 2018

Forbes ได้ออกมาเปิดเผยถึงรายชื่อ 10 อันดับของบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกของปี 2018 แล้วเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา มาดูกันว่ามีใครบ้างที่ติดอันดับบุคคลที่ทรงอิทธิพลที่สุดของโลก 10.Larry Page แลร์รี่ เพจ (Larry Page) คือผู้ร่วมก่อตั้ง Google และนักวิทยากรคอมพิวเตอร์ และ CEO ของบริษัท Alphabet.Inc 9.Narendra Modi นเรนทระ โมที (Narendra Modi) คือนายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดีย 8.Mohammed Bin Salman Al Saud มุฮัมมัด บิน ซัลมาน บิน อับดุลอะซีซ อาล ซะอูด(Mohammad bin Salman Al Saud) กุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย และรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 แห่งซาอุดีอาระเบีย 7.Bill Gates บิล เกตต์ (Bill Gates) […]

Instagram เตรียมมีฟีเจอร์ใหม่สำหรับจ่ายเงินผ่านแอพ

Instagram คือโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกและหนึ่งในจุดเด่นของ Instargram นั้นก็คือมันสามารถเป็นช่องทางสำหรับการค้าขายสินค้า-บริการต่างๆ มากมายยอดนิยมไม่แพ้ Facebook เลยล่ะ ข่าวอัปเดตล่าสุดก็คือ Instargram กำลังพัฒนาเตรียมจะมีฟีเจอร์ใหม่ชั่นสำหรับจ่ายเงินผ่านแอพโดยตรงที่จะช่วยให้ขาช็อปสามารถช็อปได้สบายมากขึ้นและฝ่ายคนขายของก็สามารถสร้างกำไรได้สะดวกสบายมากขึ้   ซื้อขายง่ายได้แค่คลิกเดียว ฟีเจอร์ใหม่ของ Instargram นี่จะสามารถเข้าถึงได้ตรงที่ตั้งค่าของบัญชี และเมื่อเข้าไปก็จะสามารถผูกบัญชีกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตได้ เมื่อผูกบัญชีและยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว คุณก็จะสามารถซื้อสินค้าไปจนถึงการจองบริการต่างๆ ตั้งแต่ร้านอาหารไปจนถึงโรงแรมได้ง่ายภายในคลิ๊กเดียวโดยไม่จำเป็นต้องออกจาก Instargram   ธุรกิจบน Instragram จะรุ่งเรื่อง เมื่อฟีเจอร์การจ่ายเงินผ่าน Instragram เปิดใช้งานได้สำหรับทุกพื้นที่ทั่วโลก ธุรกิจบน Instragram จะรุ่งเรื่องมากยิ่งขึ้น เนื่องด้วยไม่เพียงแค่ Instragram มีผู้ใช้งานจำนวนมากอยู่แล้ว แต่จำนวนผู้ที่ต้องการจะมาเปิดธุรกิจบน Instragram ก็จะมีมากขึ้นเช่นกันและด้วยความสะดวกสบายของการซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายผ่านแอพนั้นจะทำให้ สินค้าและบริการสามารถขายได้ง่ายมากขึ้น แผนต่อไปของ Instargram ก็จะเป็นแผนการเตรียมขายโฆษณาของ Instragram ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นฟีเจอร์นี้นั้นเป็นฟีเจอร์ที่ดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งาน Instargram แต่พึ่งระวังการใช้จ่ายของคุณให้ดี มิเช่นนั้นเงินในกระเป๋าของคุณอาจจะหมดก่อนเวลาสิ้นเดือน หากช็อปแบบไม่ระมัดระวังผ่านฟีเจอร์สุดสะดวกสบายนี้บน Instargram   ที่มา: techcrunch.com

Instagram เตรียมมีฟีเจอร์ใหม่สำหรับจ่ายเงินผ่านแอพ | TheEnsure

Instagram คือโซเชียลมีเดียที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 800 ล้านคนทั่วโลกและหนึ่งในจุดเด่นของ Instargram นั้นก็คือมันสามารถเป็นช่องทางสำหรับการค้าขายสินค้า-บริการต่างๆ มากมายยอดนิยมไม่แพ้ Facebook เลยล่ะ ข่าวอัปเดตล่าสุดก็คือ Instargram กำลังพัฒนาเตรียมจะมีฟีเจอร์ใหม่ชั่นสำหรับจ่ายเงินผ่านแอพโดยตรงที่จะช่วยให้ขาช็อปสามารถช็อปได้สบายมากขึ้นและฝ่ายคนขายของก็สามารถสร้างกำไรได้สะดวกสบายมากขึ้ ซื้อขายง่ายได้แค่คลิกเดียว ฟีเจอร์ใหม่ของ Instargram นี่จะสามารถเข้าถึงได้ตรงที่ตั้งค่าของบัญชี และเมื่อเข้าไปก็จะสามารถผูกบัญชีกับบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตได้ เมื่อผูกบัญชีและยืนยันตัวตนสำเร็จแล้ว คุณก็จะสามารถซื้อสินค้าไปจนถึงการจองบริการต่างๆ ตั้งแต่ร้านอาหารไปจนถึงโรงแรมได้ง่ายภายในคลิ๊กเดียวโดยไม่จำเป็นต้องออกจาก Instargram   ธุรกิจบน Instragram จะรุ่งเรื่อง เมื่อฟีเจอร์การจ่ายเงินผ่าน Instragram เปิดใช้งานได้สำหรับทุกพื้นที่ทั่วโลก ธุรกิจบน Instragram จะรุ่งเรื่องมากยิ่งขึ้น เนื่องด้วยไม่เพียงแค่ Instragram มีผู้ใช้งานจำนวนมากอยู่แล้ว แต่จำนวนผู้ที่ต้องการจะมาเปิดธุรกิจบน Instragram ก็จะมีมากขึ้นเช่นกันและด้วยความสะดวกสบายของการซื้อสินค้าได้อย่างง่ายดายผ่านแอพนั้นจะทำให้ สินค้าและบริการสามารถขายได้ง่ายมากขึ้น แผนต่อไปของ Instargram ก็จะเป็นแผนการเตรียมขายโฆษณาของ Instragram ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นฟีเจอร์นี้นั้นเป็นฟีเจอร์ที่ดีอย่างยิ่งสำหรับผู้ใช้งาน Instargram แต่พึ่งระวังการใช้จ่ายของคุณให้ดี มิเช่นนั้นเงินในกระเป๋าของคุณอาจจะหมดก่อนเวลาสิ้นเดือน หากช็อปแบบไม่ระมัดระวังผ่านฟีเจอร์สุดสะดวกสบายนี้บน Instargram   ที่มา: techcrunch.com

ครั้งแรกของโลก สวีเดนทดลองเปิดรางถนนที่สามารถชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ได้

สโลแกน ประหยัดพลังงาน เป็นสิ่งที่หลายประเทศทั่วโลกต่างหาทางที่จะรักษาและอนุรักษ์พลังงานที่มีอยู่บนโลกนี้ให้อยู่นานที่สุด และหนึ่งในพลังงานสำคัญอย่าง น้ำมันและเหล่าพลังงานฟอสซิล ที่มีความจำเป็นมากขึ้นอาจจะไม่ได้จะมีอยู่ไปได้อีกนาน การหาพลังงานทดแทนมาใช้เป็นประเด็นที่ทั่วโลกต่างจับตามอง เทคโนโลยีพัฒนาและได้เข้าสู่ยุคแห่งรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้าหรือพลังงานแสงอาทิตย์ ไปจนถึงรถยนต์ที่ไร้คนขับ ในตอนนี้ ครั้งแรกของโลก สวีเดนทดลองเปิดรางถนนที่สามารถชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ได้ โครงการ eRoadArlanda เพื่อล้มเลิกการใช้พลังงานฟอสซิลภายในปี 2030 ประเทศสวีเดนมีเป้าหมายที่จะล้มเลิกการพึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลภายในปีค.ศ.2030 โดยเริ่มจากการลดการใช้งานพลังงานฟอสซิลในการคมนาคม 70% ของพลังงานที่ใช้อยู่ทั้งหมดและได้ให้กำเนิดโครงการ eRoadArlanda โครงการสร้างถนนที่มีรางสำหรับใช้ชาร์จไฟฟ้าที่จะสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ได้มากถึง 80-90% แถมการใช้พลังงานไฟฟ้านั้นยังสะอาดกว่า, เงียบกว่า และถูกกว่าแหล่งพลังงานอย่างอื่นอีกด้วย โดยในตอนนี้มีรางถนน 2 กิโลเมตรนี้ได้ถูกติดตั้งบนถนนที่อยู่ห่างไปจากเมืองหลวงสวีเดนไม่ไกลนัก เมื่อโครงการ eRoadArlanda สำเร็จจะช่วยให้ประเทศสวีเดนเป็นประเทศที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาพลังงานฟอสซิลเสียทั้งหมดและยังสามารถช่วยลดมลภาวะพิษทางอากาศ รวมถึงยังช่วยให้เหล่ายานพาหนะและพลังงานไฟฟ้ามีราคาถูกลงได้อีกด้วย เป็นโครงการที่วางแผนก้าวไกลในการสร้างความมั่นคงของประเทศและยังช่วยปกป้องดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมไว้ได้อีกด้วย   ที่มา: theguardian.com

Facebook เตรียมเปิดบริการสำหรับ หาคู่ ช่วยคุณตามหารักแท้

ข่าวจากการประชุมครั้งล่าสุดประจำปีของ Facebook คือ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ประกาศว่า Facebook เตรียมเปิดตัวระบบใหม่ซึ่งเป็นบริการสำหรับหาคู่ โดยเขาได้กล่าวถึงจุดประสงค์ในการสร้างบริการสำหรับหาคู่นี้มาจาก “มีผู้ใช้งานกว่า 2 ร้อยล้านคนทั่วโลกที่ระบุว่าพวกเขาโสด และหากเรามุ่งมั่นในการสร้างความสัมพันธ์ที่มีความหมายระหว่างผู้คน นี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่ีมีความหมายที่สุดในทั้งหมด.” Facebook ต้องการจะสร้างความสัมพันธ์เชื่อมโยงผู้คนให้เข้าหาใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมและบริการสำหรับหาคู่นี้จะไม่ใช่สำหรับการใช้มันเพื่อหาคู่นอนแต่จะเป็นช่วยหาความสัมพันธ์ระยะยาวที่แท้จริง โดยบริการหาคู่ของ Facebook นั้นจะสามารถแชทถึงคู่เดทได้โดยเฉพาะที่ไม่ใช่ในรายชื่อเพื่อนที่มีอยู่ในแชทที่สร้างขึ้นสำหรับการหาคู่โดยเฉพาะ นั้นจึงทำให้เป็นการแบ่งแยกพื้นที่ของการหาคู่และหาเพื่อนได้อย่างชัดเจน Facebook vs Tinder การประกาศเปิดตัวจะสร้างบริการ หาคู่สำหรับ Facebook เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานตามหารักแท้ที่ไม่ใช่เพียงแค่คู่นอนนั้นเป็น การประกาศที่สร้างผลกระทบต่อ Tinder บริการหาคู่รายใหญ่ของโลกเป็นอย่างมาก ไม่นานหลังจากข่าวสารนี่ถูกเผยแพร่ออกไปทำให้หุ้นของบริษัทเจ้าของ Tinder นั้นตกลงถึง 22% ศึกต่อไปครั้งใหญ่ระหว่างบริการหาคู่รายใหญ่ของโลกนั้นก็คือ การช่วยผู้คนตามหารักแท้ นั้นคือโฆษณาคติประจำใจสำหรับแอพคลิเคชั่นหาคู่ ทุกเจ้าล้วนสัญญาในการตามหารักแท้เป็นจุดประสงค์หลักแต่จุดประสงค์รองมันก็กลายเป็นบริการสำหรับการหาคู่นอนได้อีกด้วย เมื่อยังมีความเชื่อที่ว่า ไม่มีใครพบรักแท้ได้จากแอพคลิเคชั่นหาคู่หรอก Tinder ต้องเตรียมรับมือกับศึกครั้งใหญ่ เพราะ Facebook นั้นมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากและการมาถึงของบริการหาคู่ของ Facebook คงจะแย่งผู้ใช้บริการจาก Tinder ไปมากเลยทีเดียว ท้ายที่สุดแล้วในศึกแอพพลิเคชั่นสำหรับหาคู่ ใครกันจะเป็นผู้ชนะนั้นก็เป็นสิ่งที่ต้องจับตารอดูต่อไป ในส่วนเรื่องความเป็นส่วนตัว Facebook ให้การว่าจะทำการปรับปรุงดูแลความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของบัญชีทุกบัญชีให้ดีที่สุด   […]

พลังแห่งคอนเทนต์ และเหตุผลว่าทำไมกัน คอนเทนต์ ถึงคือ ราชา

“คอนเทนต์ คือ ราชา.” คือหัวข้อของเรียงความที่ บิล เกตส์ได้เผยแพร่บนเว็บไซต์ Microsoft ค.ศ.1996 และประโยคที่สนับสนุนเหตุผลว่าทำไมกัน คอนเทนต์ ถึงคือราชาในยุคแห่งอินเทอร์เน็ตนั้นก็คือ “คอนเทนต์คือที่ที่ผมคาดหวังว่ามันจะสร้างเงินได้เป็นจำนวนมากบนโลกออนไลน์ เช่นเดียวกันกับการกระจายข่าวสารข้อมูล.” ในตอนนั้นมีเพียงบางส่วนของโลกเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้และผู้ที่รู้จักใช้ผลประโยชน์จากอินเทอร์เน็ต รู้จักพลังแห่งคอนเทนต์ก็ต่างสำเร็จผลอันยิ่งใหญ่ในทุกวันนี้ อย่าง แจ็ค หม่า เขาก็เป็นอีกคนหนึ่งที่รู้จักพลังแห่งคอนเทนต์และเริ่มต้นจากการสร้างเว็บไซต์รวบรวมข้อมูลเล็กๆที่เป็นฐานก้าวไกลไปสู่เว็บค้าปลีกแห่งเอเชียได้ นอกจากนี้ยังมีธุรกิจและแบรนด์ดังมากมายที่เริ่มต้นจากไม่มีอะไรเลยแต่ก็สามารถพัฒนาตนเองจนกลายเป็นแบรนด์ที่ยิ่งใหญ่ได้ เพราะรู้จักพลังแห่งคอนเทนต์  บิล เกตส์ได้ทำนายอนาคตของโลกอินเทอร์เน็ตล่วงหน้าไว้ถึง 20 ปีแล้วและสิ่งที่เขาทำนายไว้นั้นก็ถูกต้อง ยิ่งในทุกวันนี้ เป็นยุคที่ คอนเทนต์ คือสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับแบรนด์และธุรกิจ มันสามารถช่วยให้แบรนด์ก้าวไกลเป็นแบรนด์ที่ทรงอิทธิพลได้ มันสามารถช่วยธุรกิจให้สามารถสร้างยอดขายมากกว่าเดิมได้ ถ้าหากคุณยังไม่เชื่อว่า คอนเทนต์นั้นมีพลังมากขนาดไหน มาอ่านเหตุผลที่จะช่วยให้คุณเข้าใจพลังของคอนเทนต์มากขึ้นและรู้ว่าทำไมกันถึงต้อง ขนานนามมันว่า คอนเทนต์ คือ ราชา แห่งโลกออนไลน์ คอนเทนต์สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์และธุรกิจ คอนเทนต์ช่วยสร้างยอดขายใหม่ๆให้กับธุรกิจได้ คอนเทนต์ที่ดีช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วม คอนเทนต์ดีต่อ SEO คอนเทนต์คุณภาพ > คอนเทนต์ปริมาณมาก   คอนเทนต์สร้างคุณค่าให้กับแบรนด์และธุรกิจ พลังสำคัญของคอนเทนต์นั้นก็คือมันสร้างคุณค่าให้กับแบรนด์และธุรกิจได้มากขึ้น เมื่อมีการเผยแพร่คอนเทนต์สู่โลกออนไลน์เกี่ยวกับสินค้าและบริการของแบรนด์จะช่วยให้ลูกค้าและบุคคลทั่วไปที่มีโอกาสเป็นลูกค้าได้ในอนาคตเรียนรู้เกี่ยวกับแบรนด์นั้นมากขึ้น พวกเขาจะสามารถเข้าใจว่า แบรนด์นั้นต้องการสื่อถึงอะไร ขายอะไรบ้างและทำให้พวกเขารู้จักแบรนด์มากขึ้น ถ้าเปรียบเทียบกันระหว่างแบรนด์หนึ่งที่มีคอนเทนต์ให้อ่านเกี่ยวกับสินค้าและบริการ มีคอนเทนต์อัปเดตใหม่ๆอยู่เสมอและอีกแบรนด์ที่ไม่มีคอนเทนต์ที่อัปเดต ไม่มีคอนเทนต์มากมายให้อ่านมากนัก […]

Marvel จากล้มละลายสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่

Marvel ค่ายคอมมิคและสตูดิโอชื่อก้องโลกที่ไม่ว่าใครก็ต้องเคยได้ยินมาบ้าง โดยเฉพาะแฟนๆแนวฮีโร่ทั้งแบบคอมมิคและภาพยนตร์ก็จะยิ่งรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี แต่นอกเหนือจากการผลิตภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จที่คนรับชมถล่มทลายและการมีฐานแฟนจากคอมมิิคซูเปอร์ฮีโร่มากมายทั่วโลกแล้วนั้น ในแง่ด้านธุรกิจกว่า Marvel จะมีความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อย่างทุกวันนี้ได้ นั้นเคยล้มละลายมาก่อน ส่วนหนึ่งของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่มาจากเรื่องราวการล้มละลาย อ่านการพุ่งทยานสู่ความสำเร็จอันสูงสุดจากจุดที่ตกต่ำได้ในบทความนี้ ความล้มเหลวเป็นความเสี่ยงที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่เสมอหากไม่รู้จักปรับเปลี่ยนธุรกิจให้เข้ากับยุค ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และการขายเพียงแค่คอมมิคซูเปอร์ฮีโร่เพียงอย่างเดียวนั้นไม่สามารถช่วยให้ Marvel อยู่รอดได้อย่างแน่นอน จนกระทั่ง Marvel ได้พบหนทางใหม่ในการปลุกชีพให้กลับมาสู่ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่อีกครั้ง Marvel สู่จอภาพยนตร์ เสน่ห์และจุดขายอันสำคัญของ Marvel นั้นก็คือการเขียนเรื่องราวที่ยอดเยี่ยมผ่านหนังสือคอมมิคที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันแสนสนุกมากมายพร้อมทั้งตัวละครซูเปอร์ฮีโร่อีกนับร้อยพันกว่าตัวละคร สิ่งเหล่านั้นคือจุดขายและทาง Marvel ก็ได้ทำการขายลิขสิทธิ์ของเรื่องราวคอมมิคอันยอดเยี่ยมและตัวละครเหล่านั้นให้กับสตูดิโอภาพยนตร์เพื่อนำมันไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ในช่วงปลายยุค 90’s ภาพยนตร์เรื่อง Blade และภาพยนตร์ตระกูล X-Men ประสบความสำเร็จและสร้างกำไรได้เป็นจำนวนมาก เมื่อ Marvel จากคอมมิคเริ่มเข้าสู่จอภาพยนตร์ทำให้มีฐานแฟนคลับหน้าใหม่เพิ่มขึ้นมากมายและยังถือว่าเป็นการปรับเปลี่ยนมาให้เข้ากับยุคสมัยที่ภาพยนตร์เป็นสิ่งยอดนิยมได้ดีอีกด้วย แต่ถึงกระนั้น Marvel ก็ได้รับกำไรไม่มากนักเท่ากับสิ่งที่พวกเขาเป็นผู้ให้กำเนิดมันขึ้นมา จักรวาลภาพยนตร์ Marvel พยายามยื่นข้อเสนอกับสตูดิโอมากมายเพื่อสร้างภาพยนตร์ของซูเปอร์ฮีโร่ที่พวกเขาถือครองลิขสิทธิ์อยู่เองจนในที่สุดในปีค.ศ.2005 พวกเขาได้รับทุนจำนวน 525 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากการตกลงกับ   บริษัท Wall Street Merrill Lynch ในการสร้างภาพยนตร์มากกว่า 10 เรื่อง  อนาคตทั้งหมดของ Marvel […]

ยกเลิกการสอบเข้า ป.1 สมควรหรือไม่

ในทุกๆปีช่วงเปลี่ยนผ่านระหว่างเด็กอนุบาลกำลังจะก้าวเข้าสู่วัยประถมศึกษา ช่วงฤดูกาลสอบคัดเด็กเข้าเรียน มีเด็กนักเรียนมากกว่า 1 พันคนต้องแข่งขันกับเพื่อเข้าโรงเรียนที่ผู้ปกครองคาดหวังไว้ซึ่งรับเด็กเพียงแค่จำนวน 100 คนเท่านั้น ดังนั้นจึงทำให้เกิดการติวเด็กเล็กเพื่อสอบเข้า ทุ่มเทกับแต่เพียงเรื่องเรียนและละเลยสิ่งอื่น นอกจากนี้ เด็กที่ไม่ถูกคัดเลือกพวกเขาจะหายไปไหนกันล่ะ ยกเลิกการสอบเข้า ป.1 สมควรหรือไม่ เด็กเล็กไม่สมควรสอบ ช่วงวัยเด็กเล็กตั้งแต่ 0-8 ปีเป็นวัยที่ไม่ควรจะมีการสอบเลย ไม่ว่าจะเป็นการสอบเข้าหรือสอบในระหว่างชั้นเรียน เพราะในวัยเหล่านั้นเป็นวัยที่สมองกำลังมีการพัฒนา เป็นวัยสำคัญแห่งการเรียนรู้และเติบโตของเด็ก เป็นวัยที่พวกเขาสมควรจะได้ใช้ชีวิตอย่างเด็กทั่วๆไป มิใช่ต้องนั่งตรากตรำท่องตำราเพื่อเรียนรู้ อีกอย่างเด็กๆ ทุกคนมีความสามารถที่แตกต่างกัน การใช้วิชาการมาเป็นตัวชี้วัดว่าพวกเขาเก่งพอหรือไม่ในการเข้าโรงเรียนนั้นเป็นสิ่งที่ไม่ควรอย่างยิ่ง พวกเขาควรจะได้ใช้ชีวิตสมวัย เน้นเรียนตั้งแต่วัยเด็กคือภัยเงียบในอนาคต ผู้ปกครองล้วนคาดหวังอยากจะให้ลูกของพวกเขาได้รับในสิ่งที่ดีที่สุดและนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผิด แต่การสนับสนุนให้เด็กๆใช้ชีวิตอย่างที่พวกเขาต้องการโดยไม่คำนึกถึงวัยเด็กเล็กที่พวกเขาสมควรจะเป็น ความกดดันที่ได้รับผ่านจากการส่งเสียบังคับให้ตั้งใจอ่านตำราเพื่อเตรียมเรียนป.1 ไปจนถึงระดับมหาวิทยาลัย การเน้นให้เด็กเรียนมากจนเกินไปนั้นเป็นสิ่งที่จะมีผลเสียตามมาต่อตัวของเด็กคนนั้นอย่างแน่นอน อีกหนึ่งทางเลือกที่จะมาแทนยกเลิกการสอบเข้า ป.1 ได้คือการสอบผู้ปกครองแทน และสอบถึงความสามารถในการเลือกลูกว่าสามารถเลี้ยงลูกของพวกเขาได้ดีหรือไม่ การเน้นเรียนตั้งแต่วัยเด็ก ส่งเสียให้เรียนพิเศษตั้งแต่เข้าอนุบาลนั้นเป็นภัยเงียบที่จะก่อให้เกิดผลเสียต่อตัวเด็กเองได้ในอนาคต แม้จะมีตัวอย่างเด็กที่เก่งในด้านการเรียนและครอบครัวทั้งหลายต่างคาดหวังให้ลูกของพวกเขานั้นเรียนหนังสือได้ดี แต่ใช่ว่าเด็กทุกคนมีความสามารถเหมือนกัน การเน้นให้สนใจแต่เรียนมากจนเกินไปจะทำให้เด็กขาดทักษะชีวิตและอาจจะก่อให้เกิดปัญหาการฆ่าตัวตายเนื่องจากความกดดันด้านการเรียนได้ในอนาคต ยกเลิกการสอบเข้า ป.1 สำหรับเด็กเล็กนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจและสมควรอย่างยิ่งแก่ตัวเด็กเอง เพราะพวกเขาคือเด็กและเด็กก็ควรจะได้ใช้ชีวิตอย่างวัยเด็ก มิเช่นนั้นถ้าหากเน้นแต่การเรียน เด็กที่เป็นอนาคตของชาติจะสามารถเรียนรู้ทักษะชีวิตได้จากที่ใดกัน  

Netflix เตรียมส่งคอนเทนต์ไทยจาก GMM Grammy สู่กว่า 120 ประเทศ

Netflix ได้ทำข้อตกลงกับ GMM Grammy เพื่อที่จะนำซีรีส์ชื่อดังอย่าง ฮอร์โมนวัยว้าวุ่น หรือ ภาพยนตร์ดังอย่างเรื่อง ฉลาดเกมโกง เพื่อลงสู่จอ Netflix และยังมีรายชื่อซีรีส์ไทยใหม่ๆอีกหลากหลายเรื่องเพื่อสู่สายตา ชาว Netflix กว่า 120 ประเทศ ก้าวใหม่อันยิ่งใหญ่ของวงการคอนเทนต์ไทย การร่วมมือของค่าย GMM Grammy และ Netflix ถือว่าเป็นการร่วมมืออันยิ่งใหญ่สำหรับวงการคอนเทนต์ไทยในทุกๆบทบาทตั้งแต่เบื้องหลังยันเบื้องหน้า ก้าวอันยิ่งใหญ่นั้นก็คือวงการคอนเทนต์ไทยจะได้มีโอกาสได้ออกสู่สายตาผู้ชมที่มากกว่า 190 ประเทศ ถ้าหากผลตอบรับออกมาดีแน่นอนว่าวงการคอนเทนต์ไทยของเรานั้นก็จะเติบโตมากยิ่งขึ้น หลังจากนี้ การแข่งขันและคุณภาพของคอนเทนต์ไทยนั้นก็จะสูงขึ้นมากอย่างแน่นอนซึ่งเป็นผลดีสำหรับเหล่าผู้ชมที่จะได้รับชมคอนเทนต์ไทยที่มีคุณภาพและความหลากหลายมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ฐานผู้ชม Netflix ไทยกำลังเติบโต Netflix ประเทศไทยตั้งแต่มีการเปิดตัวมาก็มีสมาชิกที่สมัครมากขึ้นเรื่อยๆและจำนวนก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นต่อไปและ Netflix ก็ลงทุนกับประเทศไทยมากกว่าที่คาดคิดไว้อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการจัดการโปรโมท การโฆษณาหรือการจับมือกับ GMM Grammy เพื่อนำคอนเทนต์ไทยมาลง Netflix ก็เพื่อที่จะขยายฐานผู้ชมใน Netflix ในไทยให้มีมากขึ้นกว่านี้เพราะตอนนี้ฐานผู้ชมกำลังเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก เป็นช่วงเวลาน้ำขึ้นต้องรีบตักอย่างยิ่งสำหรับ Netflix  ต่อจากนี้ก็จะสามารถพบเห็นโฆษณา โอกาสพิเศษจาก Netflix ประเทศไทยได้มากขึ้นอย่างแน่นอนและอีกไม่นานก็จะมีคอนเทนต์เพิ่มขึ้นไม่แพ้ต่างประเทศเลยล่ะ หลังจากความร่วมมือนี้เหล่าผู้ชม Netflix จะได้คุ้มยิ่งกว่าคุ้มเสียอีกในการจ่ายเงินสมัครเป็นสมาชิก […]